29.3.54

พระราชากับนกแสนรัก...นิทานที่ว่าด้วยความรัก

          วันนี้ นำนิทานเกี่ยวกับ "ความรัก" เรื่องหนึ่งที่อ่านเจอ แล้วรู้สึกว่าตรงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยรู้สึกทุกข์กับความรักที่ได้รับ รู้สึกว่านี่หรือความรัก ทำไมรัดรึงตรึงแน่น อึดอัดจนหายใจไม่ออกอย่างนี้ หวังว่านิทานเรื่องนี้อาจทำให้ใครหลายคนที่เป็นฝ่ายมอบความรัก และได้รับความรักได้ฉุกคิด มองความรักด้วยความเข้าใจ และนำไปปรับใช้กับคนที่ตนรักได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

  ถอดรหัสรัก
ขอขอบคุณบทความดีๆ จากคอลัมน์ Mind Management นิตยสาร Secret
โดย นพ. ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ

          เด็กนักเรียนวัยรุ่นที่มาเข้าคลินิกสมาธิบำบัดคนหนึ่งเล่าว่า "แม่ผมจะบ่นแล้วบ่นอีกเวลาที่ผมกลับบ้านค่ำ ทั้งที่ผมก็บอกหลายครั้งแล้วว่า ต้องไปทำรายงานบ้านเพื่อน และรถก็ติดมากๆ พอกลับมาถึงบ้าน แม่ก็ดุใส่ผมใหญ่เลย ว่าผมไม่รับผิดชอบ ทำตัวไม่ดี แบบนี้จะเสียคน ผมกลับมาก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว มาเจอแม่ด่าว่าเป็นชุดแบบนี้ผมกินข้าวไม่ลงเลย"

          นักธุรกิจผู้มีอาการปวดศรีษะเรื้อรัง กล่าวว่า "ผมเบื่อภรรยาผมมาก เธอจะโทร.ตามจิกผมตลอดตั้งแต่เช้า ว่าตอนนี้ผมถึงที่ทำงานแล้วหรือยัง กลางวันไปกินข้าวกับใครมา มีใครโทร.มาหาบ้างวันนี้ มีผู้หญิงในที่ทำงานมาคุยด้วยหรือเปล่า ทำไมผมไม่ยอมรับโทรศัพท์ ในขณะที่ผมกำลังประชุมกับลูกค้าสำคัญอยู่ พอเห็นผมคุยกับผู้หญิงคนไหน เธอจะคิดเหมาไปก่อนเลยว่าผมจะไปจีบเขาหรือเขาจะมายุ่งกับผม นอกจากนี้เธอยังคอยตรวจสอบดูว่า ผมมีใครเป็นเพื่อนบ้างใน Hi5 Facebook หรือหากวันไหนมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆมา เธอจะซักฟอกผมเสียยกใหญ่ เหมือนผมเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด จนผมรู้สึกอึดอัดใจ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ทั้งๆ ที่ผมก็รู้ว่าเธอรักผมมาก แต่ทำไมต้องหึงหวงขนาดนี้"

          ท่านผู้อ่านคงเห็นด้วยกับผมนะครับ ว่าทั้งลูกชายที่ถูกแม่บ่นว่าและสามีที่ถูกภรรยาคอยหึงหวง ทั้งสองคนนี้ช่างเป็นคนที่โชคดีมากๆ คือมีคนรักและคอยห่วงใยอยู่ตลอดเวลา และคนที่รักและเป็นห่วงเขาก็คือคนที่เห็นคุณค่าในตัวเขานั่นเอง แต่ทำไมเวลาที่เราแสดงความรักความห่วงใยต่อกันนั้น กลับกลายเป็นการคอยจู้จี้ขี้บ่นว่าน่ารำคาญ หรือเป็นความหึงหวงระแวงให้หงุดหงิดเสียใจ

          ถ้าอย่างนั้นเรามาพิจารณาเรื่องเล่านิทานต่อไปนี้ด้วยกัน...
         
          พระราชาแห่งเมืองหนึ่งเป็นผู้มีความพิสมัยในเรื่องนกจนถึงขั้นคลั่งไคล้ก็ว่าได้ พระองค์มีนกที่หายากและสวยงามเลี้ยงไว้ในกรงเป็นจำนวนมาก และจะทรงพระเกษมสำราญมาก หากได้เยี่ยมชมนกเหล่านั้นทุกๆ วัน

          อยู่มาวันหนึ่ง มีนกรูปร่างแปลกตัวหนึ่งบินมาเกาะอยู่ข้างที่ประทับ พระราชารู้สึกตื่นตาตื่นใจในความงามของนกตัวนี้เป็นอย่างมาก จึงรับสั่งให้ทหารมหาดเล็กจับนกตัวนี้มาใส่กรงเลี้ยงไว้ พระราชารู้สึกปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุด เพราะนกตัวนั้นเป็นนกที่สวยงามทั้งสีสันและรูปร่าง แตกต่างจากนกทั้งหมดที่พระองค์เคยมีมา นับเป็นนกมีค่าที่หายากมากในแผ่นดินนี้ก็ว่าได้

          หลังจากที่ได้พินิจดูนกตัวนี้วันแล้ววันเล่า พระราชาก็รู้สึกว่าขนที่หางของนกตัวนี้ดูจะฟูไปสักหน่อย จึงสั่งให้มหาดเล็กมาช่วยกันเด็ดขนหางบางส่วนออกไป ทำให้ดูเป็นนกที่ทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้น

"แต่จะงอยปากของมันก็ดูจะงุ้มเกินไป ไม่สมส่วนกับรูปหน้าของมันเลย"
พระราชาทรงรำพึงให้ทหารรับใช้ฟังในบ่ายวันหนึ่ง พวกทหารจึงช่วยกันไปเอาตะไบมาขัดถูบริเวณปากที่งุ้มงอออกเสีย

          วันต่อมา พระราชายิ่งมองยิ่งสังเกตก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่า นกตัวนี้มีปีกสองข้างที่ใหญ่เกินไปไม่สมดุลกับตัว ทำให้ดูเก้งก้างเวลาเดินไปมาในกรง จึงทรงสั่งให้ขลิบเนื้อส่วนปลายปีกทั้งสองข้างของนกออก ตอนนี้นกเริ่มมีอาการเปลี่ยนไป คือ ดูเซื่องซึม แววตาไม่แจ่มใส ไม่ค่อยกินอาหาร และยืนคอตกไม่สง่างามเอาเสียเลย

          พอเห็นเช่นนั้นพระราชาจึงสั่งให้มหาดเล็กช่วยกันป้อนอาหารและยาบำรุงให้นกเพิ่มมากขึ้น หากนกไม่ยอมกินก็ให้ทหารคนหนึ่งจับคอนกและง้างปากมันไว้ ส่วนอีกคนจะเอากรวยใส่เข้าไปและกรอกอาหารจำนวนมากลงไปในกรวยนั้น แม้นกจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจ

          พระราชาต้องการเพียงจะบำรุงให้นกตัวนี้แข็งแรง มีกำลังวังชากลับมาดังเดิม จนเวลาบ่ายวันนั้นเอง นกที่น่าสงสารก็นอนแน่นิ่งและเสียชีวิตไปในที่สุด!!

         เรื่องเล่าข้างต้นทำให้เราได้สะดุดคิดว่า เรากำลังทำเช่นไรกับคนที่เรารัก เรารักเขาอย่างที่เขาเป็นหรือเรารักเขาอย่างที่เราอยากให้เขาเป็น ความรักที่มีนั้นกลับถูกบดบังซ่อนเร้นไว้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ความกลัว" จนหมดสิ้นหรือเปล่า นั่นคือความกลัวว่าจะไม่รับผิดชอบการเรียน กลัวว่าจะนอกใจไม่ซื่อสัตย์ หรือถึงขนาดกลัวว่าเขาจะเสียคน!!

           เมื่อความกลัวครอบงำความรักไว้จนหมดสิ้น เราจึงเห็นพฤติกรรม ท่าที หรือคำพูดที่เรากระทำต่อคนที่เราเรียกว่า "ผู้เป็นที่รัก" นั้นบิดเบือนไป กลายเป็นความคาดหวังกดดันจึงเข้าใจได้ว่าทำไมหลายคนรักกัน แต่กลับทะเลาะมีปากเสียงกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

          เรามาช่วยกันถอดรหัสความรักออกจากความกลัวในใจที่มี เริ่มด้วยการมองลึกลงไปในหัวใจของท่านเองว่ามีรักอย่างแท้จริงต่อเขามากเพียงใด แสดงให้รู้ว่าเรารักเขาด้วยวาจาอย่างเปิดเผย ไม่ต้องเก็บงำไว้ ให้เขาคาดเดาไปเอง มีท่าทีใส่ใจและเปิดใจรับฟัง เพื่อทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เข้าใจถึงความต้องการ ความปรารถนา ความคาดหวังของเขา ซึ่งย่อมแตกต่างไปจากเรา และใช้คำพูดส่งเสริมให้กำลังใจ ชมเชยในสิ่งดีๆ ให้คำแนะนำอย่างอ่อนโยนด้วยความใจเย็น เวลาผิดพลาดไปก็พร้อมให้อภัยและให้โอกาสเขาได้แก้ไข

          บ้านและครอบครัวจึงจะเป็นสถานที่อันอุดม พร้อมจะให้เมล็ดพันธุ์ชีวิตที่เรารักได้เติบใหญ่แข็งแรงและมีความสุข

 "อ่านจบแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ ^o^ สุดท้ายนี้ก็ขอมอบเพลง รักแท้ ให้ทุกคนที่มีความรักค่ะ"


แต่หากไม่ "ปล่อย" ให้เธอเรียนรู้ เธอคงวนอยู่ไม่ไปถึงไหน
รักแท้ ที่ไม่ต้องการสักข้อแม้ เมื่อไรที่เธอต้องพ่ายแพ้ ฉันจะเตรียมรักให้
และวันใด ที่เธอนั้นเจ็บจนอดทนไม่ไหวจะมีฉันยืนข้างๆเธอเสมอไป
 

รักแท้ คือ กรุณา

 With Love ^o^

8.3.54

"เพียงแค่รู้"



การที่ เพียงแค่รู้ ดูด้วยจิต

คือรู้คิด รู้กาย เมื่อย้ายไหว
กายโยกซ้าย ย้ายขวา ก็รู้ไป
รู้เมื่อใจ ส่ายสั่น หมั่นแลดู
มีกายตึง กายหย่อน ผ่อนเบาหนัก
มีผัสสะ เย็นร้อน อ่อนและไหว
มีอารมณ์ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวสุขใจ
คละเคล้าไป หยุดไม่อยู่ แค่รู้พอ
เพียงแค่รู้ แค่ดู อยู่ใกล้ๆ
อย่าโดดไป เข้าร่วม รวมกับเขา
เดี๋ยวจะปน เปไป ใจไม่เบา
รวมกับเขา จิตจะหนัก ปักจมดิน
พยายามไป กลายเป็น เกร็ง เพ่ง บังคับ
อยากจะจับ ให้จิตดิ่ง นิ่งดังหวัง
หารู้ไม่ ว่ามันคง ไม่มีวัน
เพราะจิตนั้น อิสระ อนัตตา
คิดเสียว่า แค่รู้ เหมือนดูหนัง
เป็นแค่เพียง ผู้ชม นั่ง อยู่ข้างหน้า
ใครจะหยุด ใครจะไป ใครจะมา
ก็แค่รู้ ว่าผ่านมา และผ่านไป
ตัวร้ายมา เพียงแค่รู้ ว่าจิตหน่าย
พระเอกตาย เพียงแค่รู้ ว่าจิตหมอง
นางเอกมา เพียงแค่รู้ ว่าจิตปอง
เพียงแค่มอง เพียงแค่รู้ ดูอย่างเดียว
ระหว่างดู อย่าเข้าไป ใคร่อยากเปลี่ยน
เพียงแค่เพียร ดูเรื่อยๆ อย่าเฉื่อยแฉะ
ใครเป็นใคร เล่นบทไหน อย่าละเลย
ดูเฉยๆ ให้ถูกตรง อย่าหลงทาง


ถึงจะอยาก แต่ก็ยาก จะไปแก้
ทำได้ เพียงแค่รู้ว่าดูหนัง
ผู้กำกับ ว่ายังไง ว่าตามกัน
บทหนังนั้น เริ่มและจบ ในตัวเอง


ทุกอย่างนั้น ถูกกำหนด ด้วยบทเขียน
ไม่อาจเปลี่ยน เพราะถ่ายจบ ค่อยถูกฉาย
คนสุดท้าย คือคนดู กลุ้มใจตาย
หากว่าหมาย เปลี่ยนบทหนัง เป็นดั่งใจ
เป็น ผู้ดูจำไว้ ใช่ผู้เล่น
อย่าไปเต้น ไปลำดับ กำกับหนัง
เป็นผู้ดู รู้หน้าที่ ง่ายดีจัง
เพียงแค่นั่ง ดูๆไป ตั้งใจดู
เพียงแค่ดู แต่ต้องดู ให้รู้เรื่อง
หนังจบเรื่อง ต้องเล่าได้ ไม่อายเขา
ใช่แต่นั่ง ดูๆไป คล้ายคนเมา
พอให้เล่า ก็มั่วไป ไม่เคยตรง
หนังที่ดู รู้ไว้เลย หนังชีวิต
หลายตอนติด หลากรสชาติ ไม่ขาดสาย
ถ้าดูเป็น หนังไม่ทำ ให้วุ่นวาย
พอหนังฉาย ถึงตอนจบ พบสุขเอย

ขอขอบคุณหนังสือ "ดูเฉยๆ หนึ่งพรรษา"
...With Love and Breathe...

5.3.54

เพื่อนแท้..คือ?

วันนี้นำธรรมะดีๆ จากเสถียรธรรมสถานมาฝากค่ะ ลองดูกันนะคะ


"ขอให้เราลองกลับมาดูว่า เรามีกำลังพอมั้ย ที่จะมี "ตัวเอง" เป็นเพื่อน แล้วเรากล้ามั้ย ที่จะรักเพื่อนของเรา อย่างคนที่จับมือเค้าไว้แล้วบอกว่า...สิ่งนั้นถ้าไปแล้วมันเจ็บนะ เราจะดึงเอาไว้ ก่อนที่เพื่อนของเราจะไปเจ็บ..."

"เรายังต้องมีการคิดที่แยบคาย เพื่อที่จะบอกให้คนหนึ่งคน ที่บอกได้ยาก เขาเข้าใจ และก็ทำให้เขารู้ว่า ในสิ่งที่เขาเข้าใจนั้น เขากำลังมีตัวเองเป็น "เพื่อน" และนั่นประเสริฐที่สุดเลย"

ขอมอบคลิปวิดีโอนี้แด่กัลยาณมิตรทุกคนนะคะ

"หากบ้านเดิมแห่งจิตใจของพระศาสดา

คือความบริสุทธิ์สะอาดหมดจดด้วยสันติสุข

บ้านเดิมแห่งจิตใจของสรรพชีวิตน้อยใหญ่

ย่อมไม่แตกต่างกัน"

พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

ขอให้ทุกคนมี "ตัวเอง" เป็นเพื่อนได้ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อนะคะ

...ด้วยรักและลมหายใจ...

2.3.54

"เพียงแค่รู้" 12 - 16 ก.พ. 54 ธรรมะอินเทรนด์

ห่างหายจากการเขียน Blog ไปนาน นึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากกลับมาเขียนเล่าเรื่องราวความเป็นไปในชีวิต ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันอีกครั้ง (ถ้าไม่มีใครอ่าน ก็เก็บไว้อ่านคนเดียว ยามว่าง อิอิ) ช่วงนี้ก็เป็นช่วงคลื่นลมสงบ ลอยคอไปเรื่อยๆ มีพายุ (อารมณ์ต่างๆ) เข้ามากระทบให้ได้ลองใช้วิชา "ดูใจ" ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอยู่เรื่อยๆ ด้วยความศรัทธาและเห็นว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าช่วยดับทุกข์ได้จริง เลยรู้สึกว่าถ้าได้ไปปฏิบัติธรรมบ้างเป็นครั้งคราว จะช่วยให้สติและปัญญาพัฒนาขึ้นตามลำดับ

กลางเดือนที่ผ่านมาจึงได้มีโอกาสไปเข้าคอร์สอบรมวิปัสสนากรรมฐาน ที่ยุวพุทธฯ บางแค (ศูนย์ 1) หลักสูตร "เพียงแค่รู้" ตั้งแต่วันที่ 12 - 16 ก.พ. 54 สอนโดยพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญและทีมงาน

5 วันผ่านไปไวเหมือนโกหก คอร์ส "เพียงแค่รู้" เป็นคอร์สวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น ที่เน้นการเจริญสติอยู่กับปัจจุบัน ดูอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ "ใจ" และมีธรรมมะบรรยายสลับการปฏิบัติเกือบตลอดทั้งวัน สำหรับใครที่ต้องการไปพักผ่อน ไม่ต้องการปฏิบัติเข้มข้นมากเท่าไหร่ รับรองว่าคอร์สนี้ต้องถูกใจมือใหม่หัดเจริญสติแน่ๆ เพราะว่ามีสื่อธรรมะที่เนื้อหาลึกซึ้งกินใจให้ได้ดู พร้อมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่พระอาจารย์และทีมงานสรรหามาไว้ในคอร์สเพียบ เช่น นอนสมาธิ นวดผ่อนคลาย พับดอกบัว เดินสมาธิ (แบบธรรมชาติ) ระลึกรู้คุณพ่อแม่ เจริญมรณานุสติ ฯลฯ กิจกรรมทั้งหมดที่พระอาจารย์นำมาสอนนั้น หลักๆ ก็คือต้องการให้ผู้ปฏิบัติรู้สึกผ่อนคลาย มีสติระลึกรู้ใจและกายอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เกร็ง เพ่ง บังคับ เพราะแท้จริงแล้วทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่ใจของคนเรา เดี๋ยวอยากเดิน เดี๋ยวอยากนั่ง เดี๋ยวอยากกิน เดี๋ยวอยากนอน สารพัดจะอยากกกกก 555 

ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับอารมณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งดีและร้าย สุขและทุกข์ คงไม่มีใครหลีกหนีความจริงข้อนี้ไปได้ แต่การไปปฏิบัติธรรมทำให้เรามีสมาธิตั้งมั่นมากขึ้น และได้เห็นอารมณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในห้วงความรู้สึกนึกคิดของเราชัดเจนยิ่งขึ้น เห็นว่าแต่ละอารมณ์ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพียงแค่ "รู้" เฉยๆ ว่าอะไรเกิดขึ้นกับใจในขณะนั้นๆ

การอยู่นิ่งๆ ทำให้นึกถึงเพลงหนึ่งของ ตุ้ย ธีรภัทร ที่ชื่อว่า "ยิ่งนิ่งยิ่งใส" เนื้อเพลงท่อนหนึ่งร้องว่า...

นิ่งแค่ไหนก็ยิ่งใสยิ่งชัดเจน
เหมือนน้ำใสเย็น ใสจนเห็นสิ่งตกตะกอน
ยิ่งนิ่งยิ่งใส สอนใจเราเอง (เข้าใจตัวเอง)

ลองไปหาเพลงนี้ฟังเต็มๆ กันได้ เพราะดีเหมือนกัน หวังว่าคงหาเจอนะ เก่ามากและ 55 ^o^  

สิ่งที่ประทับใจอีกสิ่งหนึ่งในคอร์ส "เพียงแค่รู้" นี้ก็คือ การใช้บทกลอน เสียงระฆังและเสียงเพลงประกอบการปฏิบัติ เพลงที่นำมาเปิดก็เป็นเพลงร่วมสมัยและเข้ากับธรรมะได้ดี เช่น เพลงมันอยู่ตรงนี้ ของโรส ศิรินทิพย์ ฟังทีไรก็ชวนให้รู้สึกว่า ความสุขมันอยู่ตรงนี้ ที่นี่ และ เดี๋ยวนี้ ได้จริง!


หลักสูตร "เพียงแค่รู้" จะจัดอีกครั้งที่ยุวพุทธฯ บางแค (ศูนย์ 1) ในวันที่ 1 - 5 ก.ค. 54 ถ้ามีโอกาสก็คงได้ไปอีกครั้ง คราวนี้ตั้งใจจะพาแม่ไปด้วย ^o^ หากใครสนใจก็ไปสมัครได้ด้วยตนเองที่ ยุวพุทธิกสมาคมฯ ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 - 2 เดือนนะ ไม่เสียค่าใช้จ่ายจ้ะ  

วันนี้เลยนำคลิปชื่อว่า "ความรัก" ประกอบภาพการปฏิบัติมาให้ชมกันก่อน เป็นการเรียกน้ำย่อย (เหมือนโฆษณาไงไม่รู้ 55) คอร์ส "เพียงแค่รู้" เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น และวัยทำงาน

ส่วนอีกหนึ่งคลิปด้านล่างนี้ ชื่อว่า "จากรักกลายเป็นร้าย" เป็นการประมวลภาพการปฏิบัติธรรมในคอร์สวันที่ 12 - 16 ก.พ. 54 ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ หลังจากจบทุกคอร์สทีมงานจะแจก CD รวบรวมภาพบรรยากาศการปฏิบัติประกอบเพลงให้กับทุกคนที่เข้าปฏิบัติเพื่อเป็นที่ระลึกค่ะ ^o^


สุดท้ายก็อยากฝากบทกลอนที่ลูกศิษย์พระอาจารย์นวลจันทร์แต่งไว้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน...
กล้าหรือเปล่า นิ่งดูใจ อยู่เฉยๆ
ไม่ยุ่งเลย กับทุกสิ่ง ไม่วิ่งหา
ไม่จัดแจง อยู่นิ่งๆ ทิ้งอัตตา
อะไรมา ก็ดูเฉย จนเลยไป


กล้าหรือเปล่า ที่จะก้าว ข้ามความคิด
ออกจากจิต ที่ยึดติด คิดทั้งหลาย
เพราะต่อคิด จึงทำจิต ให้วุ่นวาย
กระสับส่าย ย้ายโยก โบกใจปลิว

กล้าหรือเปล่า ที่จะรู้ ว่าความสุข
เพียงแค่ฉุก กระตุกคิด ก็ปลิดหาย
แม้จะอยาก ให้อยู่คู่ ไม่รู้คลาย
สุขกลับหาย เพียงพริบตา ไม่ลากัน

กล้าหรือเปล่า ที่จะก้าว ไปเรื่อยๆ
แม้จะเหนื่อย ทุกข์ยาก ลำบากแสน
เดินก้าวไป คนเดียว เปลี่ยวทุกแดน
มีแต่แผน ที่ในมือ ถือเดินไป

คัดลอกบางบทมาจากหนังสือ "ดูเฉยๆ หนึ่งพรรษา" ที่พระอาจารย์แจกก่อนกลับบ้าน ^o^
ใครสนใจชมสื่อธรรมะดีๆ จากคอร์ส "เพียงแค่รู้"
ตามลิงค์ไปเลยจ้า ---->> http://www.youtube.com/piangkaeroo

ธรรมะ - ธรรมดา - ธรรมชาติ

...ด้วยรักและลมหายใจ...