31.10.53

Peaceful Mind, Open Heart (24 - 28 Oct,10)

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมตามแนวทางหมู่บ้านพลัมกับหลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตช่างโชคดี ที่ได้เรียนรู้วิธีอยู่กับปัจจุบันอย่างแท้จริง ไม่ต้องพะวงกับเรื่องราวในอดีต และสิ่งที่ยังมาไม่ถึงในอนาคต... หลายปีก่อน ได้ดูรายการเจาะใจ สัมภาษณ์ภิกษุณีรูปหนึ่ง ตอนนั้นยังไม่ได้สนใจธรรมะเลย แต่แปลกที่ได้ดูรายการวันนั้น แล้วรู้สึกประทับใจกับคำพูดและบรรยากาศของหมู่บ้านพลัมที่ประเทศฝรั่งเศสมาก ภิกษุณีท่านนั้นกล่าวประโยคหนึ่ง ที่ก็ไม่รู้ว่าจำได้แม่นขนาดนั้นได้ยังไง คือ "วางแผนได้ แต่อย่าคาดหวัง" ตั้งแต่นั้นมา ประโยคนี้ก็ติดอยู่ในใจเรื่อยมา หลังจากนั้นผ่านมาหลายปีจึงเริ่มได้มีโอกาสไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่ก็ไปที่ยุวพุทธฯ เพิ่งได้มีโอกาสไปงานภาวนาตามวิถีหมู่บ้านพลัมเป็นครั้งแรก เลยได้รู้ว่าภิกษุณีท่านนั้น คือหลวงพี่นิรามิสา ภิกษุณีชาวไทยที่เป็นล่ามให้หลวงปู่ทุกครั้ง


งานภาวนาครั้งนี้จัดขึ้นที่ วังรี รีสอร์ท จ. นครนายก ตั้งแต่วันที่ 24 - 28 ตุลาคม 2553 โดยใช้ชื่อว่า "จิตสงบ ใจเปิดกว้าง: Peaceful Mind Open Heart" ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะไปพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ และได้ทานอาหารที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย แต่สิ่งที่ได้กลับมานอกเหนือจากความอิ่มกาย สบายใจ ก็คือ การได้เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ เป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยน เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟัง และผู้พูดที่ดี และได้เรียนรู้ที่จะ "ยิ้ม" มากขึ้น ^o^

คำสอนของหลวงปู่เป็นคำสอนที่เรียบง่าย ใช้ภาษาธรรมดาๆ ที่เข้าใจง่ายแต่แฝงไปด้วยปัญญาอันลึกซึ้ง อย่างเช่น คำสอนเรื่องการอยู่กับปัจจุบันอันแยบยล คือสอนให้เรารู้สึกว่าเราจะมีคุณค่าต่อผู้อื่นได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถอยู่ตรงนั้นกับเขาได้อย่างแท้จริง...

"เมื่อเธอรักใครบางคน สิ่งล้ำค่าที่สุดที่เธอสามารถมอบให้เขาได้คือการดำรงอยู่ของเธอ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ในท้องตลาด เธอจะรักใครได้อย่างไรถ้าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอต้องอยู่ที่นั่นเพื่อที่จะรักและมอบการดำรงอยู่ของเธอให้เขา การดำรงอยู่ที่เปี่ยมไปด้วยความสดชื่น ความรักและความเมตตากรุณา เธอจะมีความสดชื่น ความรัก และความเมตตากรุณาได้ด้วยการฝึกสติ สติจะหล่อเลี้ยงเธอ ความสงบและความผ่อนคลายจะเติมความสดชื่นให้กับเธอ การดำรงอยู่ของเธอคือของขวัญสำหรับเขา สิ่งที่เธอต้องทำคือการหายใจอย่างมีสติเข้าและออก 2 - 3 ครั้ง เพื่อนำความสดชื่นและรอยยิ้มกลับมา" เมื่อรู้สึกว่าสามารถอยู่ตรงนั้นกับคนที่เรารักได้อย่างแท้จริงทั้งกายและใจแล้ว จึงกล่าวว่า "ที่รัก ฉันอยู่ที่นี่เพื่อเธอ" และสิ่งนี้คือของขวัญที่วิเศษที่สุด ^______^

การฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดสติที่หลวงปู่นำมาใช้สอนคือ การฝึกตามดูลมหายใจเข้า-ออก ของเราเอง โดยในทุกๆ วัน จะมีการเคาะระฆัง (ไม่ทันได้นับเลยว่ามีการเคาะระฆังกี่ครั้งในแต่ละวัน) แต่ในทุกครั้งที่ได้ยินเสียงระฆัง ทุกคนจะหยุดและกลับมาตามลมหายใจเข้า-ออก เป็นเวลา 3 ครั้ง การปฏิบัติอย่างนี้ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และได้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะในทุกๆครั้งที่ได้ยินเสียงระฆัง นอกจากนี้ก็มีการเดินวิถีแห่งสติในทุกๆ เช้า เดินเพื่อเดิน โดยไม่ต้องคำนึงถึงจุดหมายปลายทาง ให้ความรู้สึกตัวอยู่กับเท้าที่ก้าวและลมหายใจเข้า-ออกของเรา มีกลอนหนึ่งที่อ่านเจอในวารสารหมู่บ้านพลัม เกี่ยวกับการเดินวิถีแห่งสติว่า "ทางที่ใจเลือกไป มีนับพัน แต่ทางที่ฉันเลือกเดิน สวยสงบ ทุกย่างก้าวเท้าบรรจบ ดอกไม้บานพานพบทุกก้าวเดิน" การรับประทานอาหารก็เช่นกัน ได้ฝึกรับประทานอาหารในความเงียบ ได้นั่งสมาธิในทุกๆเช้า และได้นอนสมาธิ หรือที่เรียกว่า การผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ในช่วงบ่ายของวัน และในทุกๆ วันก็จะมีการสนทนาธรรมเป็นกลุ่ม ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์และแนวทางการปฏิบัติ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีคนที่อายุไล่เลี่ยกัน รู้สึกดีมากๆ ที่ได้เห็นเพื่อนวัยเดียวกันสนใจธรรมะเหมือนๆกัน การไปงานภาวนาครั้งนี้ เป็นสิ่งที่น่าประทับใจ และรู้สึกว่าสามารถนำคำสอนต่างๆ ของหลวงปู่มาใช้ในทุกขณะของชีวิตจริงๆ เพราะ Happiness is Here and Now. ^o^



Happiness is here and now
I have dropped my worries
Nowhere to go
Nothing to do
No longer in a hurry
Happiness is here and now
I have dropped my worries
Somewhere to go
Something to do
But not in a hurry.

www.thaiplumvillage.org


ขอขอบคุณเพื่อนกลุ่มสังฆะที่เอื้อเฟื้อรูปภาพ มา ณ ที่นี้ ^___^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น