29.3.54

พระราชากับนกแสนรัก...นิทานที่ว่าด้วยความรัก

          วันนี้ นำนิทานเกี่ยวกับ "ความรัก" เรื่องหนึ่งที่อ่านเจอ แล้วรู้สึกว่าตรงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยรู้สึกทุกข์กับความรักที่ได้รับ รู้สึกว่านี่หรือความรัก ทำไมรัดรึงตรึงแน่น อึดอัดจนหายใจไม่ออกอย่างนี้ หวังว่านิทานเรื่องนี้อาจทำให้ใครหลายคนที่เป็นฝ่ายมอบความรัก และได้รับความรักได้ฉุกคิด มองความรักด้วยความเข้าใจ และนำไปปรับใช้กับคนที่ตนรักได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

  ถอดรหัสรัก
ขอขอบคุณบทความดีๆ จากคอลัมน์ Mind Management นิตยสาร Secret
โดย นพ. ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ

          เด็กนักเรียนวัยรุ่นที่มาเข้าคลินิกสมาธิบำบัดคนหนึ่งเล่าว่า "แม่ผมจะบ่นแล้วบ่นอีกเวลาที่ผมกลับบ้านค่ำ ทั้งที่ผมก็บอกหลายครั้งแล้วว่า ต้องไปทำรายงานบ้านเพื่อน และรถก็ติดมากๆ พอกลับมาถึงบ้าน แม่ก็ดุใส่ผมใหญ่เลย ว่าผมไม่รับผิดชอบ ทำตัวไม่ดี แบบนี้จะเสียคน ผมกลับมาก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว มาเจอแม่ด่าว่าเป็นชุดแบบนี้ผมกินข้าวไม่ลงเลย"

          นักธุรกิจผู้มีอาการปวดศรีษะเรื้อรัง กล่าวว่า "ผมเบื่อภรรยาผมมาก เธอจะโทร.ตามจิกผมตลอดตั้งแต่เช้า ว่าตอนนี้ผมถึงที่ทำงานแล้วหรือยัง กลางวันไปกินข้าวกับใครมา มีใครโทร.มาหาบ้างวันนี้ มีผู้หญิงในที่ทำงานมาคุยด้วยหรือเปล่า ทำไมผมไม่ยอมรับโทรศัพท์ ในขณะที่ผมกำลังประชุมกับลูกค้าสำคัญอยู่ พอเห็นผมคุยกับผู้หญิงคนไหน เธอจะคิดเหมาไปก่อนเลยว่าผมจะไปจีบเขาหรือเขาจะมายุ่งกับผม นอกจากนี้เธอยังคอยตรวจสอบดูว่า ผมมีใครเป็นเพื่อนบ้างใน Hi5 Facebook หรือหากวันไหนมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆมา เธอจะซักฟอกผมเสียยกใหญ่ เหมือนผมเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด จนผมรู้สึกอึดอัดใจ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ทั้งๆ ที่ผมก็รู้ว่าเธอรักผมมาก แต่ทำไมต้องหึงหวงขนาดนี้"

          ท่านผู้อ่านคงเห็นด้วยกับผมนะครับ ว่าทั้งลูกชายที่ถูกแม่บ่นว่าและสามีที่ถูกภรรยาคอยหึงหวง ทั้งสองคนนี้ช่างเป็นคนที่โชคดีมากๆ คือมีคนรักและคอยห่วงใยอยู่ตลอดเวลา และคนที่รักและเป็นห่วงเขาก็คือคนที่เห็นคุณค่าในตัวเขานั่นเอง แต่ทำไมเวลาที่เราแสดงความรักความห่วงใยต่อกันนั้น กลับกลายเป็นการคอยจู้จี้ขี้บ่นว่าน่ารำคาญ หรือเป็นความหึงหวงระแวงให้หงุดหงิดเสียใจ

          ถ้าอย่างนั้นเรามาพิจารณาเรื่องเล่านิทานต่อไปนี้ด้วยกัน...
         
          พระราชาแห่งเมืองหนึ่งเป็นผู้มีความพิสมัยในเรื่องนกจนถึงขั้นคลั่งไคล้ก็ว่าได้ พระองค์มีนกที่หายากและสวยงามเลี้ยงไว้ในกรงเป็นจำนวนมาก และจะทรงพระเกษมสำราญมาก หากได้เยี่ยมชมนกเหล่านั้นทุกๆ วัน

          อยู่มาวันหนึ่ง มีนกรูปร่างแปลกตัวหนึ่งบินมาเกาะอยู่ข้างที่ประทับ พระราชารู้สึกตื่นตาตื่นใจในความงามของนกตัวนี้เป็นอย่างมาก จึงรับสั่งให้ทหารมหาดเล็กจับนกตัวนี้มาใส่กรงเลี้ยงไว้ พระราชารู้สึกปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุด เพราะนกตัวนั้นเป็นนกที่สวยงามทั้งสีสันและรูปร่าง แตกต่างจากนกทั้งหมดที่พระองค์เคยมีมา นับเป็นนกมีค่าที่หายากมากในแผ่นดินนี้ก็ว่าได้

          หลังจากที่ได้พินิจดูนกตัวนี้วันแล้ววันเล่า พระราชาก็รู้สึกว่าขนที่หางของนกตัวนี้ดูจะฟูไปสักหน่อย จึงสั่งให้มหาดเล็กมาช่วยกันเด็ดขนหางบางส่วนออกไป ทำให้ดูเป็นนกที่ทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้น

"แต่จะงอยปากของมันก็ดูจะงุ้มเกินไป ไม่สมส่วนกับรูปหน้าของมันเลย"
พระราชาทรงรำพึงให้ทหารรับใช้ฟังในบ่ายวันหนึ่ง พวกทหารจึงช่วยกันไปเอาตะไบมาขัดถูบริเวณปากที่งุ้มงอออกเสีย

          วันต่อมา พระราชายิ่งมองยิ่งสังเกตก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่า นกตัวนี้มีปีกสองข้างที่ใหญ่เกินไปไม่สมดุลกับตัว ทำให้ดูเก้งก้างเวลาเดินไปมาในกรง จึงทรงสั่งให้ขลิบเนื้อส่วนปลายปีกทั้งสองข้างของนกออก ตอนนี้นกเริ่มมีอาการเปลี่ยนไป คือ ดูเซื่องซึม แววตาไม่แจ่มใส ไม่ค่อยกินอาหาร และยืนคอตกไม่สง่างามเอาเสียเลย

          พอเห็นเช่นนั้นพระราชาจึงสั่งให้มหาดเล็กช่วยกันป้อนอาหารและยาบำรุงให้นกเพิ่มมากขึ้น หากนกไม่ยอมกินก็ให้ทหารคนหนึ่งจับคอนกและง้างปากมันไว้ ส่วนอีกคนจะเอากรวยใส่เข้าไปและกรอกอาหารจำนวนมากลงไปในกรวยนั้น แม้นกจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจ

          พระราชาต้องการเพียงจะบำรุงให้นกตัวนี้แข็งแรง มีกำลังวังชากลับมาดังเดิม จนเวลาบ่ายวันนั้นเอง นกที่น่าสงสารก็นอนแน่นิ่งและเสียชีวิตไปในที่สุด!!

         เรื่องเล่าข้างต้นทำให้เราได้สะดุดคิดว่า เรากำลังทำเช่นไรกับคนที่เรารัก เรารักเขาอย่างที่เขาเป็นหรือเรารักเขาอย่างที่เราอยากให้เขาเป็น ความรักที่มีนั้นกลับถูกบดบังซ่อนเร้นไว้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ความกลัว" จนหมดสิ้นหรือเปล่า นั่นคือความกลัวว่าจะไม่รับผิดชอบการเรียน กลัวว่าจะนอกใจไม่ซื่อสัตย์ หรือถึงขนาดกลัวว่าเขาจะเสียคน!!

           เมื่อความกลัวครอบงำความรักไว้จนหมดสิ้น เราจึงเห็นพฤติกรรม ท่าที หรือคำพูดที่เรากระทำต่อคนที่เราเรียกว่า "ผู้เป็นที่รัก" นั้นบิดเบือนไป กลายเป็นความคาดหวังกดดันจึงเข้าใจได้ว่าทำไมหลายคนรักกัน แต่กลับทะเลาะมีปากเสียงกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

          เรามาช่วยกันถอดรหัสความรักออกจากความกลัวในใจที่มี เริ่มด้วยการมองลึกลงไปในหัวใจของท่านเองว่ามีรักอย่างแท้จริงต่อเขามากเพียงใด แสดงให้รู้ว่าเรารักเขาด้วยวาจาอย่างเปิดเผย ไม่ต้องเก็บงำไว้ ให้เขาคาดเดาไปเอง มีท่าทีใส่ใจและเปิดใจรับฟัง เพื่อทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เข้าใจถึงความต้องการ ความปรารถนา ความคาดหวังของเขา ซึ่งย่อมแตกต่างไปจากเรา และใช้คำพูดส่งเสริมให้กำลังใจ ชมเชยในสิ่งดีๆ ให้คำแนะนำอย่างอ่อนโยนด้วยความใจเย็น เวลาผิดพลาดไปก็พร้อมให้อภัยและให้โอกาสเขาได้แก้ไข

          บ้านและครอบครัวจึงจะเป็นสถานที่อันอุดม พร้อมจะให้เมล็ดพันธุ์ชีวิตที่เรารักได้เติบใหญ่แข็งแรงและมีความสุข

 "อ่านจบแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ ^o^ สุดท้ายนี้ก็ขอมอบเพลง รักแท้ ให้ทุกคนที่มีความรักค่ะ"


แต่หากไม่ "ปล่อย" ให้เธอเรียนรู้ เธอคงวนอยู่ไม่ไปถึงไหน
รักแท้ ที่ไม่ต้องการสักข้อแม้ เมื่อไรที่เธอต้องพ่ายแพ้ ฉันจะเตรียมรักให้
และวันใด ที่เธอนั้นเจ็บจนอดทนไม่ไหวจะมีฉันยืนข้างๆเธอเสมอไป
 

รักแท้ คือ กรุณา

 With Love ^o^

1 ความคิดเห็น: