10.9.53

ปีศาจกินความโกรธ


เมื่อคืนอ่านหนังสือ "ชวนม่วนชื่น" เจอเรื่อง ปีศาจกินความโกรธ เป็นเรื่องที่ให้แง่คิดดีทีเดียว เลยอยากเอามาแบ่งปันให้ได้อ่านกัน เรื่องก็มีอยู่ว่า...

ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในอาณาจักรแห่งหนึ่ง มีปีศาจตนหนึ่งเดินเข้ามาในวังขณะที่พระราชาไม่อยู่ ปีศาจตนนี้น่าเกลียดมาก แถมยังเหม็นอย่างร้ายกาจ สิ่งที่มันสำรอกออกมาก็น่าขยะแขยง จนทหารยามและเจ้าหน้าที่ในวังทุกคนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว นั่นทำให้ปีศาจเดินผ่านห้องต่างๆ ด้านนอกจนเข้าไปถึงท้องพระโรงชั้นในได้อย่างสบายๆ แถมยังนั่งลงบนบัลลังก์ของพระราชาอีกด้วย ทหารยามและคนอื่นๆ พลันได้สติ เมื่อเห็นปีศาจบนบัลลังก์พระราชา


เขาตะโกนว่า "ออกไปจากที่นี่ซะ นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้านะ! ถ้าเจ้าไม่ย้ายกันของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี่ละก็ เราจะแล่เจ้าเป็นชิ้นๆ ด้วยดาบของเรา"


ด้วยคำพูดอย่างโกรธๆ ไม่กี่คำนี้ ตัวเจ้าปีศาจก็โตขึ้นอีกสองสามนิ้ว หน้าตาก็น่าเกลียดขึ้น กลิ่นเหม็นๆ ก็รุนแรงขึ้น และคำพูดก็ลามกยิ่งขึ้น


ดาบถูกชักออกกวัดแกว่งไปมา กริชถูกดึงออกมา พร้อมกับเสียงข่มขู่ต่างๆ ทุกๆ คำพูดที่ออกอาการโกรธ ทุกๆ การกระทำด้วยความโกรธ แม้แต่ทุกๆ ความคิดโกรธ ตัวเจ้าปีศาจก็โตขึ้นทีละนิ้วๆ น่าเกลียดยิ่งขึ้น เหม็นยิ่งขึ้น และใช้ภาษาสกปรกยิ่งขึ้น


การเผชิญหน้ากันยังคงดำเนินต่อไปสักพักจนกระทั่งพระราชากลับมาถึงวัง ท่านเห็นเจ้าปีศาจร่างยักษ์บนบัลลังก์ของท่าน ท่านไม่เคยเห็นอะไรที่น่าเกลียดสุดๆ อย่างนี้มาก่อนเลย แม้แต่ในหนังภาพยนตร์ก็เถอะ กลิ่นเหม็นฉุนที่ออกมาจากกายเจ้าปีศาจนั้น แม้แต่หนอนก็อาจจะคลื่นไส้ได้ ภาษาที่ใช้ก็น่าเกลียดเสียยิ่งกว่าที่จะได้ยินได้ฟังจากบาร์เถื่อนๆ กลางเมืองที่เต็มไปด้วยคนเมาในคืนวันเสาร์


พระราชาทรงใช้สติปัญญา ก็ด้วยเหตุนี้แหละ ท่านจึงเป็นถึงพระราชา ท่านทรงทราบว่าท่านจะจัดการอย่างไร
ท่านกล่าวอย่างอบอุ่นว่า "ยินดีต้อนรับท่าน ยินดีต้อนรับสู่วังของข้าพเจ้า มีผู้ใดนำเครื่องดื่มและอาหารมาให้ท่านหรือยัง"


ด้วยกิริยาท่าทางที่สุภาพเช่นนี้ ตัวของเจ้าปีศาจก็หดเล็กลงสักสองสามนิ้ว น่าเกลียดน้อยลง เหม็นน้อยลง และน่ารังเกียจน้อยลง


เจ้าหน้าที่ประจำวังเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว คนหนึ่งถามปีศาจว่าอยากจะดื่มชาสักถ้วยไหม "เรามีชาดาร์จีลิง อิงลิชเบรกฟาสต์ หรือเอิร์ลเกรย์ หรือท่านจะชอบชาเป็บเปอร์มินท์ที่แสนอร่อยและมีผลดีต่อสุขภาพ" อีกคนโทรศัพท์สั่งพิซซ่าขนาดครอบครัวซึ่งเหมาะสำหรับปีศาจร่างยักษ์เช่นนี้ ขณะที่อีกคนนวดเกล็ดที่คอของม้น เจ้าปีศาจคิดในใจว่า "อืม! สบายจัง"


ทุกๆ คำพูดที่สุภาพ การกระทำที่เอื้อเฟื้อ ตลอดจนความคิดที่ดี ตัวเจ้าปีศาจก็ค่อยๆ หดลงๆ น่าเกลียดน้อยลง เหม็นน้อยลง และน่ารังเกียจน้อยลง ก่อนที่เด็กส่งพิซซ่าจะมาถึง ร่างของเจ้าปีศาจก็หดลงจนมีขนาดเท่ากับตอนที่มันนั่งลงบนบัลลังก์ในครั้งแรก แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะทำดีต่อมัน ในไม่ช้าเจ้าปีศาจก็เล็กลงๆ จนเกือบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว และหลังจากการแสดงน้ำใจอีกเพียงครั้งเดียว เจ้าปีศาจก็หายวับไปเลย


เราเรียกเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ว่า 'ปีศาจกินความโกรธ' บางเวลาคนใกล้ตัวเราอาจจะเป็น 'ปีศาจกินความโกรธ' ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะเลวลง น่าเกลียดขึ้น เหม็นขึ้น พูดจาน่ารำคาญยิ่งขึ้น ปัญหาจะบานปลายขึ้น ทุกครั้งที่เราโกรธเขา แม้แต่คิดโกรธในใจก็เถอะ บางทีตอนนี้เราจะได้เห็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเรา และรู้เสียทีว่าเราจะทำอะไรต่อไป


ความเจ็บปวดเป็น 'ปีศาจกินความโกรธ' ตัวหนึ่ง เมื่อเราคิดโกรธ 'เจ้าความเจ็บปวด! จงไปให้พ้น! นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า!' มันกลับจะรุนแรงขึ้น และเลวร้ายลงในหลายๆ ด้าน มันยากนักที่จะใจดีต่อสิ่งที่ทั้งน่าเกลียดและน่ารังเกียจเช่นเจ้าความเจ็บปวดนี้ แต่หลายๆ ครั้ง ในชีวิตที่เราไม่มีทางเลือกอื่นใด เมื่อเราสามารถทำใจยอมรับความเจ็บปวดอย่างจริงใจ มันกลับจะเจ็บน้อยลง ก่อปัญหาน้อยลง และบางครั้งก็หายวับไปเลย

ในชีวิตเรา หลายครั้งที่เราต้องเจอกับปีศาจมากมาย ที่มาในหลากหลายรูปแบบ แต่ขึ้นชื่อว่าปีศาจ ยังไงซะต้องพ่ายแพ้ต่อความดี ถ้าเราสามารถรับรู้ถึงความร้ายกาจของปีศาจร้ายที่เกิดขึ้นในใจของเราได้ทันท่วงที เราก็จะพบว่ามันไม่สามารถทำอะไรเราได้ และความสุขก็รอเราอยู่ตรงหน้านั่นเอง...^O^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น