11.9.53

ความสุขชั่วพริบตา @ สวนผึ้ง (Part 1)

มีโอกาสได้ไปเที่ยวสวนผึ้ง จ. ราชบุรี หลังจากที่ The Gang ว่างตรงกัน ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 11 - 12 กันยายน 2553 ทริปนี้เป็นทริปที่เรียกได้ว่าฮาทั้งขาไป ขากลับ กวน มึน โฮ ได้อีก ^o^ ผู้ร่วมทริปในครั้งนี้มี 4 สาว (สวย) จอย แอน เมษ์ จิ...ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ทำให้ทริปนี้ราบรื่นแตกต่างกันไป...
พวกเราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เวลา 9.00 น. แวะรับจอยที่สมุทรสาคร จิแนะนำทาร์ตเม็ดมะม่วง + ลูกเกด ที่ร้าน "วุ้นกรองแก้ว" บอกว่าอร่อยมาก คงหากินที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ง่ายๆ ลองชิมดูแล้ว ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "อร่อยมาก" :P

ถึงราชบุรี เวลาประมาณเที่ยงเห็นจะได้ เลยแวะกินข้าวเที่ยงกันที่ร้าน "ครัวตะนาวศรี 2" ในอำเภอ สวนผึ้ง ตามคำแนะนำของ Driver ตอนที่พวกเราไปลูกค้าน้อยมาก รสชาติอาหารก็ธรรมดา ไม่หวือหวา มากเท่าไหร่ แต่ติดตรงที่เป็นมื้อแรกที่มาถึง แล้วก็หิวกันมากๆ เลยกินกันซะเต็มคราบเลย ^o^ อาหาร 4 อย่าง ราคา 370 บาทจ้า

จากนั้นเราก็แวะเที่ยว "บ้านหอมเทียน" อยู่ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอสวนผึ้ง นักท่องเที่ยวเพียบตามที่คาดไว้เลย ที่นี่เป็นที่ผลิตเทียนหอม ตกแต่งแบบอาร์ตๆ แวะไปชมและถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ ไม่มีใครยอมควักเงินซื้อเทียนสวยๆ กลับมากันสักคน มีแต่จิที่ได้กาแฟ Cappuchino ที่ใส่ในแก้วไม้ไผ่ ในราคา 50 บาท
พอให้หายอยากคาเฟอีน 55

ออกจากบ้านหอมเทียนแวะเข้าที่พักเวลาประมาณบ่าย 2 ที่พักที่เราจองไว้ชื่อ พนาลี โฮม แอนด์ แคมปิ้ง รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทท่ามกลางขุนเขาสไตล์แอฟริกัน จองไว้ประมาณ 1 เดือนล่วงหน้า ราคา 4,400 บาท รวมเตียงเสริม 1 เตียง และอาหารเช้า 4 คน หัองพักตกแต่งได้น่ารัก แต่ที่น่าดึงดูดมากกว่าห้องพักคือ วิวภูเขาโอบล้อมทุกๆด้าน และอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป..
พอเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยก็ออกไปเที่ยวที่เที่ยวใกล้ๆ แวะไปอุทยานธรรมชาติวิทยา ในสมเด็จพระเทพฯ ชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติต่างๆ เช่น กระบวนการเกิดน้ำพุร้อน การทำเหมืองแร่ และรายละเอียดเกี่ยวกับนกป่าหายาก ฯลฯ มีห้องสมุดเล็กๆ ให้ประชาชนเข้าไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้วย ดีจริงๆ ^__^ 
ถัดจากอุทยานธรรมชาติวิทยา คือ ธารน้ำร้อนบ่อคลึง พวกเราเตรียมตัวไปแช่น้ำแร่เต็มที่เลยไม่ได้เอากล้องเข้าไปถ่ายรูปด้านใน เสียค่าเข้าคนละ 5 บาท ถ้าต้องการแช่น้ำแร่เสียคนละ 50 บาท (บ่อกระเบื้อง ลักษณะเหมือนสระว่ายน้ำ) แช่แล้วสบายตัวมากๆ เป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้หายจากอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย น้ำแร่บริสุทธิ์ยังมีแร่ธาตุต่างๆที่ดีต่อสุขภาพผิวอีกด้วย อุณหภูมิสุงสุดของน้ำร้อนอยู่ที่ 56 °C ร้อนใช้ได้ทีเดียว   
พอแช่น้ำร้อนกันหนำใจแล้วก็ไปกินข้าวเย็นกันต่อที่ร้าน Swiss Fish & Chip ซึ่งเป็นร้านอาหารใน Swiss Valley Hip Resort รีสอร์ทเปิดใหม่ใกล้ๆกับ The Scenery Resort บรรยากาศดีมากๆ จนนึกว่าตัวเองอยู่ต่างประเทศ ราคาอาหารก็สูงพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับบรรยากาศและคุณภาพอาหารแล้วก็จัดว่า เยี่ยม! นั่งกินกันตั้งแต่ตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า จนกระทั่งท้องฟ้ามืดมิดกันเลยทีเดียว
ค่าเสียหายมื้อนี้ 1,020 บาท
กลับที่พักกันประมาณ 1 ทุ่ม ถนนในอ. สวนผึ้งมืดมาก ไม่แนะนำให้ออกไปไหนตอนกลางคืน เพราะไม่มีไฟถนน ค่อนข้างมืด และเปลี่ยวมาก ถึงที่พักก็รวมตัวกันเมาท์แหลกแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชิวิตของแต่ละคน มันเป็นบรรยากาศที่รื่นรมย์ มีชีวิตชีวา อบอุ่น และสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้านึกภาพไม่ออกลองชวนเพื่อนสนิทที่รู้ใจไปเที่ยวในวัดหยุดกันดูบ้างนะ แล้วจะรู้ว่าความสุขมันอยู่ไม่ไกล เพราะอยู่กับเพื่อนสนิทเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องแคร์ว่าเพื่อนจะรับเราไม่ได้ ยิ่งได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนที่ "โตมาด้วยกัน" ยิ่งทำให้รู้ว่าชีวิตของเราก็ไม่เหงาจนเกินไป...

เดี๋ยวจะมาอัพเดทการเดินทางในวันที่ 2 ของทริปนี้ให้ดูกันต่อนะจ้ะ โปรดติดตามตอนต่อไป...^o^   
                                                      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น