21.11.53

New TOEIC สนามนี้ไม่มีคำว่าฟลุ้ค!

เมื่อวันพฤหัสที่ 18 พ.ย. 53 ที่ผ่านมาได้ไปสอบ TOEIC ข้อสอบที่เพื่อนๆ วัยทำงานหลายคนจำเป็นต้องสอบ หากต้องการจะสมัครเข้าทำงานกับบริษัทข้ามชาติ TOEIC ย่อมาจาก Test of English for International Communication ข้อสอบ TOEIC เป็นข้อสอบที่เน้นทักษะการฟังและการอ่าน เน้นภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวันในสำนักงาน ถ้าใครสอบได้คะแนนสูงๆ นั่นก็หมายความว่าสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ดี และโอกาสในการได้เข้าทำงานกับองค์กรที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ก็สูงตามไปด้วย

การสอบ TOEIC ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยสอบไปเมื่อปี 2006 ตอนนั้นได้ 755 คะแนน ได้นำคะแนนไปยื่นเข้าทำงานตามที่ต่างๆ ก็ได้รับการตอบรับที่ดี แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป คะแนนที่ได้ก็ไม่เพียงพอ เพราะสมัยนี้คนใช้ภาษาอังกฤษกันเก่งมากขึ้น บริษัทส่วนใหญ่ก็มักจะคาดหวังว่าจะได้พนักงานที่ได้คะแนน TOEIC เกิน 800 ถ้าทำงานในฝ่ายที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศ และคะแนน TOEIC ก็เก็บได้เพียงแค่ 2 ปี คะแนนเก่าก็เลยหมดความหมายไปโดยปริยาย

หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปสอบ TOEIC อีกครั้ง ก็เลยวางแผนและเตรียมตัวอ่านหนังสือล่วงหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์เต็มๆ ครั้งนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 900 คะแนน :D ฝึกทำข้อสอบเก่าหลายชุดมาก ทั้งส่วนการฟังและการอ่าน แต่พอไปสอบจริงๆ ปรากฏว่าเป็นข้อสอบแนวใหม่ และหนังสือที่ซื้อมาก็ยังเป็นข้อสอบแบบเก่าอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าการได้ฝึกทำข้อสอบเยอะๆ มีประโยชน์มาก เพราะช่วยเราให้เข้าใจหลักไวยกรณ์มากขึ้น ฟังฝรั่งพูดแล้วจับประเด็นได้มากขึ้น และที่สำคัญคือ ช่วยให้เราฝึกทำข้อสอบได้ทันเวลา เพราะจับเวลาระหว่างการทำข้อสอบไว้ด้วย ถ้าใครต้องการจะสอบ TOEIC แนะนำให้หาข้อสอบเก่ามาฝึกทำนะ ยิ่งทำมากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสได้คะแนนมากขึ้นเท่านั้น และอย่าลืมจับเวลาด้วยนะ เพราะข้อสอบ TOEIC ไม่ยาก แต่เน้นความอึด เร็ว และแม่นยำ คือ ฟังปุ๊บต้องตอบปั๊บ อ่านปุ๊บตอบปั๊บ ไม่มีเวลามานั่งคิดวิเคราะห์นานๆ เลย พอฝึกทำจนมั่นใจแล้วก็โทรไปจองสอบที่เบอร์ 02-260-7061 และ 02-260-7189 ถ้าจองแล้วไปไม่ได้สามารถเลื่อนวันและเวลาได้ มีรอบให้สอบ 2 รอบ คือ รอบ 9.00 น. และ 13.00 น. วันจันทร์ - วันเสาร์นะ ค่าสอบ 1,200 บาทจ้า

ว่าแล้วก็ตามไปดูประสบการณ์การเดินทางไปสอบ TOEIC กันเลยดีกว่า...

ออกจากบ้านเวลา 8.50 น. นั่งรถเมล์สาย 79 ไปลงสยาม ตั้งใจว่าจะไปกินข้าว แล้วนั่งรถไฟฟ้าต่อไปยังสถานีอโศก ^o^ เห็นพริกสดสีสวย และผักสดที่ทางกทม. นำมาปลูกไว้ริมถนนข้างรถไฟฟ้าเลยถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย อดสงสัยไม่ได้ว่า จะมีคนแอบมาเด็ดผักและพริกไปทำกับข้าวบ้างมั้ยเนี่ย :D ไอเดียน่ารักดี


กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เลยแวะกินข้าวร้าน Pepper Lunch ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อาหารทุกจานต้องมี "พริกไทย" มีพนักงานมาสาธิตวิธีการผัดข้าวก่อนกินด้วย กินแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นจะได้ไม่หนาวเวลานั่งทำข้อสอบ ^o^


 หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วก็เดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าอโศกที่สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือรถไฟฟ้ามหานครได้ พอลงสถานีอโศกก็เดินไปตามทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน พอลงไปข้างล่างแล้วออกทางออก 1 อยู่ทางซ้ายมือ พนักงานบอกว่าเดินตามทางไปเรื่อยๆ ประมาณ 400 - 500 เมตร ก็จะเจอตึก BB Building ติดกับตึก Grammy ^o^




ไปถึงห้องสอบเวลา 11.30 น. เหลือเวลาอีกนานเหมือนกัน เลยเข้าไป Check In ถ่ายรูป (TOEIC เดี๋ยวนี้ต้องมีรูปติดด้วยนะ) แล้วก็ทำประวัติไม่นาน เจ้าหน้าที่บอกว่าให้มาเข้าห้องสอบเวลา 12.45 น. เลยตัดสินใจไปนั่งร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามกับตึก BB Building ร้านสีกาแฟ บรรยากาศอบอุ่น พนักงานอัธยาศัยดี ^o^


ไปนั่งพักผ่อน ห้องแอร์เย็นๆ ตอนแรกก็อ่าน Note ที่เตรียมไป แต่รู้สึกว่าสมองเริ่มรับไม่ไหว เลยเอนหลังตามลมหายใจไปเรื่อยๆ ประมาณ 30 นาที เคลิ้มมากๆ อยู่ในภาวะที่ใกล้หลับแต่พยายามมีสติ 555 พอตื่นมาก็รู้สึกสดชื่น และมีสมาธิ ไม่คิดวอกแวกมากมาย และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง...

เจ้าหน้าที่ให้เข้าห้องสอบเวลา 12.45 น. เริ่มสอบ 13.00 น. พอไปถึงหน้าห้องสอบคนต่อคิวกันยาวเหยียด เนื่องจากมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ห้ามนำสิ่งของใดๆ เข้าห้องสอบนอกจากกระเป๋าสตางค์ ถ้าใครจะนำดินสอนำโชคติดตัวเข้าไปก็ได้นะ แต่ต้องถือเป็นแท่งเข้าไป แม้แต่ซิบในกระเป๋าสตางค์ยังขอให้เปิดให้ดู ละเอียดมากๆ ในห้องสอบมีดินสอ ปากกา ยางลบ เตรียมไว้ให้พร้อม เราไม่ได้เอาเครื่องเขียนเข้าไปเลย รู้สึกว่าของเค้ามีคุณภาพเหมือนกันนะ ลบสะอาดเชียว

ข้อสอบจะมี 2 ส่วนคือ
1. ส่วนฟัง  (Listening)  100 ข้อ ให้เวลา 45 นาที
2. ส่วนอ่าน (Reading)  100 ข้อ ให้เวลา 75 นาที
รวม 200 ข้อ 2 ชั่วโมง มีคะแนนตั้งแต่ 5 - 990 คะแนน :D
ด้านล่างคือ ตารางเปรียบเทียบ TOEIC แบบเก่ากับแบบใหม่ แบบใหม่ New TOEIC Test สีเขียวนะจ้ะ

จะเห็นได้ว่า Listening Part 1 รูปภาพ ที่เป็นข้อสอบที่ง่าย ถูกตัดลดลงเหลือ 10 ข้อ ส่วน Reading Part 6 Error recognition ก็ไม่มีแล้ว สำหรับคนที่ไม่ชอบข้อสอบ Error (ขีดเส้นใต้ 4 choices ในประโยค แล้วให้เลือกว่าข้อไหนผิด) ก็คงจะยิ้มออกนะ
ส่วนตัวแล้วคิดว่า ถ้าต้องการสอบ TOEIC ให้ได้คะแนนดีๆ ควรเตรียมตัวก่อนสอบไปพอสมควรเพื่อให้ประสาทสัมผัสต่างๆ คุ้นเคยกับข้อสอบ พอเวลาไปสอบจริงจะได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือต้องมีสมาธิอยู่กับข้อสอบข้อต่อข้อเลย เนื่องจากเวลาจำกัด และข้อสอบพอดีกับเวลาที่ให้เลย
ถ้าใครอยากอ่านเทคนิคการทำข้อสอบในแต่ละ Part ละเอียดๆ ลองเข้าไปอ่าน Blog ของคนที่เค้าเคยไปสอบมาและแนะนำไว้ได้ ตามลิงค์นะจ้ะ http://my.dek-d.com/moeito/blog/?blog_id=10057413
ส่วนหนังสือที่เราใช้ในการฝึกทำข้อสอบก็มีอยู่ 3 เล่ม คือ Test on TOEIC Listening (เล่มสีแดง), Test on TOEIC Grammar & Reading (เล่มสีน้ำเงิน) โดย ดร. ภานุ ปรัชญวิสาล และ พิชิตข้อสอบ TOEIC (Grammar Tests: Pats V-VI) (เล่มสีน้ำเงินหนาๆ เล่มนี้อธิบายไวยากรณ์ได้ละเอียดดีมาก) โดย ผศ. นเรศ สุรสิทธิ์ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าหนังสือทั้ง 3 เล่มนี้เป็นข้อสอบ TOEIC แบบเก่านะ ไม่แน่ใจว่าข้อสอบแนวใหม่ล่าสุดมีหรือยัง ถ้ายัง 3 เล่มนี้ก็ช่วยได้เพราะแบบใหม่หรือแบบเก่าก็ไม่ต่างกันมาก ถ้าฝึกทำข้อสอบมากๆ และถ้าข้อไหนผิดก็พยายามทำความเข้าใจ รับรองว่าคะแนน TOEIC ที่หวังไว้ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ^o^
สำหรับคะแนนสอบสามารถไปรับด้วยตัวเองได้ในวันรุ่งขึ้นหลังจากวันสอบ หรือ จะเลือกให้ทางศูนย์ส่ง EMS มาให้ที่บ้านก็ได้ เสียค่าธรรมเนียม 50 บาทนะ เราเลือกแบบหลัง...และแล้วคะแนนก็ออกมา 925 คะแนน

"ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น"
ขอให้ทุกคนโชคดี ได้คะแนนตามที่ปรารถนากันทุกคนนะจ้ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น